วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553
น้ำยาบ้วนปากแบบทำเองอย่างง่ายๆ ไม่ต้องไปซื้อแพง
คราวที่แล้วนะครับได้พูดถึงเรื่องน้ำยาบ้วนปากนั้นสำคัญไฉนไปแล้ว คราวนี้ผมมีวิิธีทำน้ำยาบ้วนปาก
แบบง่ายๆไว้ใช้เอง ไม่ต้องง้อเงินซื้อยามข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ข้าวแกงธรรมดาก็ปาเข้าไปสามสิบ
บาทเข้าไปแล้ว พิเศษสามสิบห้า เพิ่มไข่ดาวขอห้าบาท ไข่เจียวเจ็ดบาท สองบาทส่วนต่างขอเป็น
ค่าตอกไข่กะค่าน้ำปลาที่เยาะลงไป งกเนอะคนเรา ; P แต่ถ้าเป็นผม ผมคิดสิบบาท เพราะงกจะเอา
เงินไปซื้อน้ำยาบ้วนปาก Ha Ha ; P
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าเจ้าของบล็อคชอบชวนออกทะเลอยู่เรื่อย อิอิ วิธีการก็ง่ายจริงๆ เอาเกลือป่นมาซัก
ประมาณ 1/2 - 1 ช้อนชา ละลายในน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว แล้วก็บ้วนปากสิครับ สะอาด ปลอดภัยแน่นอนครับ
อ่อ บางสูตรเค้าว่ามามีใส่ผงฟู 1 ช้อนชาเข้าไปด้วย แต่ต้องเพิ่มน้ำเป็น 1 ลิตร ใช้บ้วนก่อนและหลัง
อาหาร ทั้งสองสูตรนี้เหมาะมากกับผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบเยื่อบุในปากเพราะไม่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วน
ผสมเหมือนที่ขายทั่วไปเลยไม่ทำให้ปวดแสบหรือคะคายเคืองเกินไปครับ และสูตรน้ำหนึ่งลิตรนี่ควรใช้
ให้หมดภายในหนึ่งวันนะครับ ไม่หมดก็เปลืองน้ำเปลืองเกลือเปลืองผงฟูดิครับ อิอิ
แค่นี้เราก็มีน้ำยาบ้วนปากไว้ใช้โดยไม่ต้องซ์้อแล้วล่ะครับ พอกันใหม่ครับ บาย
วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553
น้ำยาบ้วนปากสำคัญแค่ไหน
เรามักจะเห็นโฆษณาน้ำยาบ้วนปากตามทีวีช่องต่างๆกันอยู่เป็นประจำนะครับบางคนก็ดู
ผ่านๆไม่สนใจอะไร บางคนก็ฟังสรรพคุณที่บอกในโฆษณาแล้วอาจจะสงสัยว่าเป็นจริง
ตามคำโฆษณาหรือเปล่า วันนี้ผมจะมาพูดเรื่องน้ำยาบ้วนปากกันครับ
จริงๆแล้วการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอาจจะเพียงพอแล้วสำหรับการทำความ
สะอาดฟันอย่างหมดจดนะครับ และทันตแพทย์ก็แนะนำให้แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร
แต่บางทีที่เวลามันเร่งรีบ หรือว่าสถานที่ไม่อำนวยให้ทำความสะอาดด้วยวิธีแปรงฟันได้
การใช้วิธีบ้วนปากจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ทำได้โดยกลั้วน้ำให้เคลื่อนที่ในปาก
ไปมาซ้ายขวาของแก้มนะครับ บางคนก็อาจจะนำน้ำยาบ้วนปากเข้ามาใช้แทนน้ำเปล่า
และเข้าใจว่ามันสามารถใช้ทำความสะอาดทดแทนการแปลงฟันได้ ซึ่งจริงๆแล้วนะครับ
น้ำยาบ้วนปากโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดกลิ่นหอมและสารฆ่าเชื้อโรคเป็นหลัก
แต่ก็ลดเชื้อโรคได้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเชื้อโรคสามารถเกิดเพิ่มขึ้นมาใหม่ได้เพียงไม่กี่อึดใจ
เพราะฉะนั้นจุดประสงค์หลักของน้ำยาบ้วนปากคือทำให้ลมปากหอมสดชื่น ขจัดกลิ่นปาก(ถ้ามี)
ได้ชั่วคราว บางยี่ห้อจะมีฟลูออไรด์ผสมมาด้วยก็ช่วยป้องกันฟันผุได้ครับ แต่ก็ไม่ควรได้รับ
มากเกินไปนะครับ เพราะอาจมีผลเสียต่อฟันอาจทำให้ฟันตกกระได้ และควรหลีกเลี่ยง
น้ำยาบ้วนปากชนิดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือมีให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปาก
เกิดอาการระคายเคือง ปวดแสบ ข้อเสียอีกอย่างราคาสูงมากครับ อันนี้ใครมีเงินซื้อไม่ว่ากัน ; P
ดังนั้นน้ำยาบ้วนไม่สามารถทดแทนการแปรงฟันได้ แต่เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษา
ช่องปากได้ อาจจะใช้ได้ในก็กรณีที่ไม่สามารถแปรงฟันได้หลังมื้ออาหารครับ และอีกกรณี
คืออาจจะใช้กับผู้ป่วยบางคนที่ไม่สามารถแปรงฟันตามปกติได้ เช่น ไปผ่าฟันคุดมา เป็นต้น
พบกันใหม่คราวหน้าครับ บาย
วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
อยากยิ้มมีฟันขาวเหมือนนางสาวไทยทำไง ฟอกสีฟันสิ
ช่วงนี้ฝนตกรถติดกันเหลือเกินครับ โดยเฉพาะตอนเย็นๆก่อนเลิกงาน
ตั้งเค้ามาเลยนะฟ้าเนี่ย พอก่อนจะเลิกงานซักห้านาที ตกกระหน่ำมาเลยครับ
คนเดินดินกินข้าวแกง(ภัตตาคารบ้างบางที)อย่างกระผมต้องนั่งรถเมล์
กลับบ้านปกติใช้เวลาชั่งโมงนิดๆกลับมาติดแหง่กอยู่บนถนน เกือบสาม
ชั่วโมงเสียเวลาจริงๆครับ พอฝนตกรถมันเลยติดมาก เข้าใจว่า ท่าน
ผู้ใช้รถราทั้งหลาย คงจะขับรถกันช้าลง เพื่อความปลอดภัยเพราะถนน
ลื่น ไหนจะวิสัยทัศน์ไม่ดีบ้าง แต่ดีแล้วครับเพื่อความปลอดภัยของชีวิตเรา
ครับ ชีวิตเรามีค่าเกินจะมาเสี่ยงอะไรแบบนี้ครับ และเมื่อวานก็เลย ฮ่าๆ
กลับแท็กซี่ทางลัดซะเลยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีนิดๆก็ถึงแล้วครับ
(แต่จ่ายตังไม่นิดเลย ; P)
พอขึ้นแท็กซี่ได้ ลุงคนขับแท๊กซี่ก็ชวนคุยบอกว่ารถติดมากๆ ฝนก็ตกหนัก
แล้วเมื่อกี้นี้ภรรยาของแกก็โทรมาบอกว่าให้ขับรถระวังหน่อยเป็นห่วง
สักพักนึงก็มีคนโทรเข้ามาหาแกอีก แล้วคุณลุงท่านก็ยิ้มไม่หุบ หัวเราะอย่าง
ดีใจมาก ผมก็ถามแกว่า อ้าว ทำไมไม่รับครับ ใครโทรมาเหรอ แกหันมายิ้ม
แล้วบอกว่ากิ๊กอ่ะ กิ๊กโทรมา คนนี้ไม่ค่อยโทรแกเลย โอ้ววววว อายุหกสิบกว่า
แล้วยังมีกิ๊ก เหอะๆๆๆ (แต่ก็คงเป็นแบบนั้นแหล่ะครับเพราะแกบอกว่า
มาขับรถเล่นๆ) แต่เอ๊ะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องฟัน อ๋อ พอดีตอนที่คุณลุง
แกยิ้มฟันคุณลุงขาวมากๆๆๆๆ เลยทำให้คิดว่าแกทำอะไรมา ใส่ฟันปลอม
หรือไปฟอกสีฟันมากันนะ วันนี้ถือโอกาสเขียนเรื่องฟอกสีฟันล่ะกัน
(กว่าจะเข้าเรื่องได้ ; P)
ทำไมฟันเราไม่สีขาว? สาเหตุที่ทำให้ฟันเรามีสีเข้มไม่เป็นสีขาว
-ปัจจัยภายในของฟันเรา เช่น กินฟลูออไรด์มากไป, เกิดจากกิน
ยาปฏิชีวนะพวก Tetracycline, อายุมากขึ้น เคลือบฟันจะเบาบางลง
ทำให้เห็นเนื้อฟันที่มีสีเหลืองข้างใน, สีที่เกิดจากการผุ หรือเกิดจาก
วัสดุอุดฟันที่เป็นส่วนผสมของโลหะ หรือฟันที่ถูกกระทบหรือกระแทก
อย่างแรงแล้วแล้วกลายเป็นฟันเเสียไม่มีกระแสเลือดมาหล่อเลี้ยง
เป็นต้น
-ปัจจัยภายนอกฟัน ก็เป็นพวกคราบต่างๆที่ติดบนฟันทำความสะอาดไม่หมด
เช่น พวกคราบหินปูน คราบน้ำชากาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ คราบที่เกิดจาก
การสูบบุหรี่ เป็นต้น
วิธีการฟอกฟัน
-ฟอกสีฟันที่บ้านแบบซื้อมาฟอกเอง วิธีนี้ต้องระมัดระวังนะครับ อาจจะ
เกิดอันตรายได้เพราะบล๊อกอาจจะไม่มีขนาดที่พอดีกับฟันของเรา
อาจทำให้สารฟอกฟันหลุดออกมาทำอันตรายกับเนื้อเยื่อในปากเราได้
-ฟอกสีฟันที่บ้านแบบทันตแพทย์ดูแล คุณหมอจะทำการพิมพ์ปากคนไข้
เพื่อไปเป็นแบบสำหรับทำบล๊อกพลาสติกใส่สารฟอกฟันขาวให้กับคนไข้
แต่ละคนโดยเฉพาะ เวลากลับไปที่บ้านก็ใส่เจลฟอกสีฟันในบล๊อกแล้ว
เอาใส่ไว้ที่ฟันทั้งคืน 5 - 6 ชั่วโมง ส่วนความเข้มข้นของสารคุณหมอจะเป็น
ผู้พิจารณาอีกทีและมีการนัดมาวัดผล ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 15 วัน
ฟันก็จะขาววิ้งเลยครับ
-ฟอกสีฟันโดยใช้แสงช่วยกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีของสารหรือเจลฟอกสีฟัน
แสงที่ใช้ก็พวกอยู่ 3 อย่างคือ แสงเลเซอร์ แสงเย็น และแสงยูวี เป็นวิธีต้อง
ไปทำที่คลีนิคครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปฟอกต่อที่บ้าน
ให้ลำบากเพราะเห็นผลทันที แต่อาจจะต้อง มาคลีนิคหลายครั้ง
แค่นี้เพื่อนๆ ก็จะมีฟันขาวสวยเหมือนนางสาวไทยแล้วล่ะครับ ส่วนราคา
ก็มีตั้งแต่ 4000 - 10000 บาทครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละวิธี
พบกันคราวหน้าครับ บาย
ตั้งเค้ามาเลยนะฟ้าเนี่ย พอก่อนจะเลิกงานซักห้านาที ตกกระหน่ำมาเลยครับ
คนเดินดินกินข้าวแกง(ภัตตาคารบ้างบางที)อย่างกระผมต้องนั่งรถเมล์
กลับบ้านปกติใช้เวลาชั่งโมงนิดๆกลับมาติดแหง่กอยู่บนถนน เกือบสาม
ชั่วโมงเสียเวลาจริงๆครับ พอฝนตกรถมันเลยติดมาก เข้าใจว่า ท่าน
ผู้ใช้รถราทั้งหลาย คงจะขับรถกันช้าลง เพื่อความปลอดภัยเพราะถนน
ลื่น ไหนจะวิสัยทัศน์ไม่ดีบ้าง แต่ดีแล้วครับเพื่อความปลอดภัยของชีวิตเรา
ครับ ชีวิตเรามีค่าเกินจะมาเสี่ยงอะไรแบบนี้ครับ และเมื่อวานก็เลย ฮ่าๆ
กลับแท็กซี่ทางลัดซะเลยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีนิดๆก็ถึงแล้วครับ
(แต่จ่ายตังไม่นิดเลย ; P)
พอขึ้นแท็กซี่ได้ ลุงคนขับแท๊กซี่ก็ชวนคุยบอกว่ารถติดมากๆ ฝนก็ตกหนัก
แล้วเมื่อกี้นี้ภรรยาของแกก็โทรมาบอกว่าให้ขับรถระวังหน่อยเป็นห่วง
สักพักนึงก็มีคนโทรเข้ามาหาแกอีก แล้วคุณลุงท่านก็ยิ้มไม่หุบ หัวเราะอย่าง
ดีใจมาก ผมก็ถามแกว่า อ้าว ทำไมไม่รับครับ ใครโทรมาเหรอ แกหันมายิ้ม
แล้วบอกว่ากิ๊กอ่ะ กิ๊กโทรมา คนนี้ไม่ค่อยโทรแกเลย โอ้ววววว อายุหกสิบกว่า
แล้วยังมีกิ๊ก เหอะๆๆๆ (แต่ก็คงเป็นแบบนั้นแหล่ะครับเพราะแกบอกว่า
มาขับรถเล่นๆ) แต่เอ๊ะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องฟัน อ๋อ พอดีตอนที่คุณลุง
แกยิ้มฟันคุณลุงขาวมากๆๆๆๆ เลยทำให้คิดว่าแกทำอะไรมา ใส่ฟันปลอม
หรือไปฟอกสีฟันมากันนะ วันนี้ถือโอกาสเขียนเรื่องฟอกสีฟันล่ะกัน
(กว่าจะเข้าเรื่องได้ ; P)
ทำไมฟันเราไม่สีขาว? สาเหตุที่ทำให้ฟันเรามีสีเข้มไม่เป็นสีขาว
-ปัจจัยภายในของฟันเรา เช่น กินฟลูออไรด์มากไป, เกิดจากกิน
ยาปฏิชีวนะพวก Tetracycline, อายุมากขึ้น เคลือบฟันจะเบาบางลง
ทำให้เห็นเนื้อฟันที่มีสีเหลืองข้างใน, สีที่เกิดจากการผุ หรือเกิดจาก
วัสดุอุดฟันที่เป็นส่วนผสมของโลหะ หรือฟันที่ถูกกระทบหรือกระแทก
อย่างแรงแล้วแล้วกลายเป็นฟันเเสียไม่มีกระแสเลือดมาหล่อเลี้ยง
เป็นต้น
-ปัจจัยภายนอกฟัน ก็เป็นพวกคราบต่างๆที่ติดบนฟันทำความสะอาดไม่หมด
เช่น พวกคราบหินปูน คราบน้ำชากาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ คราบที่เกิดจาก
การสูบบุหรี่ เป็นต้น
วิธีการฟอกฟัน
-ฟอกสีฟันที่บ้านแบบซื้อมาฟอกเอง วิธีนี้ต้องระมัดระวังนะครับ อาจจะ
เกิดอันตรายได้เพราะบล๊อกอาจจะไม่มีขนาดที่พอดีกับฟันของเรา
อาจทำให้สารฟอกฟันหลุดออกมาทำอันตรายกับเนื้อเยื่อในปากเราได้
-ฟอกสีฟันที่บ้านแบบทันตแพทย์ดูแล คุณหมอจะทำการพิมพ์ปากคนไข้
เพื่อไปเป็นแบบสำหรับทำบล๊อกพลาสติกใส่สารฟอกฟันขาวให้กับคนไข้
แต่ละคนโดยเฉพาะ เวลากลับไปที่บ้านก็ใส่เจลฟอกสีฟันในบล๊อกแล้ว
เอาใส่ไว้ที่ฟันทั้งคืน 5 - 6 ชั่วโมง ส่วนความเข้มข้นของสารคุณหมอจะเป็น
ผู้พิจารณาอีกทีและมีการนัดมาวัดผล ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 15 วัน
ฟันก็จะขาววิ้งเลยครับ
-ฟอกสีฟันโดยใช้แสงช่วยกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีของสารหรือเจลฟอกสีฟัน
แสงที่ใช้ก็พวกอยู่ 3 อย่างคือ แสงเลเซอร์ แสงเย็น และแสงยูวี เป็นวิธีต้อง
ไปทำที่คลีนิคครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปฟอกต่อที่บ้าน
ให้ลำบากเพราะเห็นผลทันที แต่อาจจะต้อง มาคลีนิคหลายครั้ง
แค่นี้เพื่อนๆ ก็จะมีฟันขาวสวยเหมือนนางสาวไทยแล้วล่ะครับ ส่วนราคา
ก็มีตั้งแต่ 4000 - 10000 บาทครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละวิธี
พบกันคราวหน้าครับ บาย
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
คลิปสาธิตวิธีแปรงฟันที่ถูกต้องโดยสาวๆ ว้าว ว้าว
คราวที่แล้วชมคลิปวีดีโอสาธิตแปรงฟันกันไป คราวนี้ไปๆมาๆ ผมไปเจอวีดีโอสอนแปรงฟัน
อีกอันนึงดูแล้วน่าสนใจ สาธิตโดยสาวๆที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ฮามากครับ ผมดูไปขำไป
ฮาจนท้องแข็ง ฮาขี้แตกขี้แตน จะฮาอะไรกันนักหนา สาวๆอาจจะพูดเสียงในฟิล์มนิดนึง
แต่เอาความน่ารักมาหักล้างกันได้ครับ ผมให้อภัยได้ ; P
ปล.ตอนท้ายคลิปน้องเค้าพูดถึงวิธีใช้ไหมขัดฟันด้วยนะครับ ตั้งใจฟังด้วยนะครับ อย่ามัวแต่ขำนะ
เชิญชมนะบัดเดี๋ยวนี้ ชะ ชะ
ยังไงก็ขออนุญาติและขอขอบคุณเจ้าของวีดีโอเหมือนเดิม ขอบคุณมวากกกกกๆ ; P
อีกอันนึงดูแล้วน่าสนใจ สาธิตโดยสาวๆที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ฮามากครับ ผมดูไปขำไป
ฮาจนท้องแข็ง ฮาขี้แตกขี้แตน จะฮาอะไรกันนักหนา สาวๆอาจจะพูดเสียงในฟิล์มนิดนึง
แต่เอาความน่ารักมาหักล้างกันได้ครับ ผมให้อภัยได้ ; P
ปล.ตอนท้ายคลิปน้องเค้าพูดถึงวิธีใช้ไหมขัดฟันด้วยนะครับ ตั้งใจฟังด้วยนะครับ อย่ามัวแต่ขำนะ
เชิญชมนะบัดเดี๋ยวนี้ ชะ ชะ
ยังไงก็ขออนุญาติและขอขอบคุณเจ้าของวีดีโอเหมือนเดิม ขอบคุณมวากกกกกๆ ; P
วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553
สาธิตวิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง
เห็นผมเขียนบอกอยู่นั่นแหล่ะว่าแปรงฟันให้ถูกวิธี แล้วมันแปรงยังไงล่ะ
ก็เลยไปหาวีดีโอสาธิตสอนแปลงฟันมาให้ดูซะเลย จัดไปเลย
ยังไงก็ขออนุญาติและขอขอบคุณเจ้าของวีดีโอมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณมากกกกก ; P
ก็เลยไปหาวีดีโอสาธิตสอนแปลงฟันมาให้ดูซะเลย จัดไปเลย
ยังไงก็ขออนุญาติและขอขอบคุณเจ้าของวีดีโอมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณมากกกกก ; P
วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553
มารู้จักโรครำมะนาดหรือโรคปริทันต์กันเถอะ
รำมะนาด คืออะไรเหรอ ใช่ดนตรีไทยแบบมีคนรำไปด้วยตีระนาดไปด้วยรึเปล่า จะบ้าเรอะ ม่ายช่ายๆ - -!
โรครำมะนาดเนี่ย ตอนเด็กๆ ผมได้ยินโฆษณาจากวิทยุบ่อยๆ ได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไร
คุ้นๆ ว่าคราบน้ำชากาแฟนี่แหล่ะที่ทำให้มันเป็นรำมะนาด ไมรู้ว่าจริงรึเปล่ากับคำโฆษณา
วันนี้เลยหยิบยกเรื่องโรคนี้มาเขียนล่ะกันครับ
โรครำมะนาด หรือในอีกชื่อหนึ่งคือโรคปริทันต์ เป็นระยะอาการในช่วงหนึ่งของ
โรคเหงือกครับซึ่งโรคเหงือก ถ้าเราไม่แปรงฟันหรือรักษาความสะอาดอย่างไม่ถูกวิธี
ก็จะเกิดจากการสะสมของคราบอาหารหรือคราบจุลินทรีย์ (dental plague)
บนฟันแถวๆ ขอบๆเหงือก เป็นเวลานานๆ แล้วเชื้อโรคพวกนี้ได้สร้างสารพิษออกมา
ทำลายเหงือกและฟัน และขอบเหงือกจะเริ่มอักเสบนิดๆ พอคราบพลัคสะสมเรื่อยๆ
ลึกไปถึงใต้เหงือกะทำให้เหงือกอับเสบรุนแรง อาจจะเกิดหินปูนร่วมด้วย ถ้าปล่อยไว้
เรื่อยๆ จะมีกลิ่นปากเหงือกและกระดูกรองฟันก็ถูกทำลาย เหงือกร่นจนเห็นฟันยาวขึ้น
มีการเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม ฟันจะเริ่มคลอนและโยกมีเลือดออกบางทีก็มีหนอง
ช่วงนี้แหล่ะครับที่เรียกว่าโรครำมะนาดหรือโรคปริทันต์(ชื่อฟังดูเท่ห์อยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าให้เป็นคงไม่เอา ; P) ท้ายที่สุดก็ต้องไปให้คุณหมอถอนออกล่ะครับ
การรักษา ก็อย่างที่บอกไปถ้าละเลยจนรักษาไม่ได้ก็ต้องถอนออกไป คนที่
เป็นมักจะไม่รู้สึกเจ็บจนเกิดการละเลยทำให้อาการรุนแรงในภายหลัง แต่ถ้ารู้ตัวก่อน
ก็อาจจะไปหาทันตแพทย์ ให้ทำการขูดหินปูนออก และอาจมีการเกลารากฟันร่วมด้วย
เพื่อให้เหงือกที่ร่นกลับมายึดกับตัวฟันได้เหมือนเดิม ถ้าพบว่ามีการละลายของกระดูก
รองฟันก็ต้องใช้วิธีผ่าตัดเหงือกด้วย
การป้องกัน ก็เป็นที่รู้ๆกันนะครับว่าต้องแปรงฟันให้สะอาดและถูกวิธี เพราะแปรงแรง
ไปอาจจะทำให้เป็นได้ด้วย แนะนำให้ให้ใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ
ที่ขาดไม่ได้คือไปหาทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนด้วยนะครับ รับรองว่าจะรู้ทันโรคฟันๆ
ทั้งหลายก่อนจะสายไปแน่นอนครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากคนที่เคยมีแฟนเป็นหมอฟัน วิ้วววววว ; P
โรครำมะนาดเนี่ย ตอนเด็กๆ ผมได้ยินโฆษณาจากวิทยุบ่อยๆ ได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไร
คุ้นๆ ว่าคราบน้ำชากาแฟนี่แหล่ะที่ทำให้มันเป็นรำมะนาด ไมรู้ว่าจริงรึเปล่ากับคำโฆษณา
วันนี้เลยหยิบยกเรื่องโรคนี้มาเขียนล่ะกันครับ
โรครำมะนาด หรือในอีกชื่อหนึ่งคือโรคปริทันต์ เป็นระยะอาการในช่วงหนึ่งของ
โรคเหงือกครับซึ่งโรคเหงือก ถ้าเราไม่แปรงฟันหรือรักษาความสะอาดอย่างไม่ถูกวิธี
ก็จะเกิดจากการสะสมของคราบอาหารหรือคราบจุลินทรีย์ (dental plague)
บนฟันแถวๆ ขอบๆเหงือก เป็นเวลานานๆ แล้วเชื้อโรคพวกนี้ได้สร้างสารพิษออกมา
ทำลายเหงือกและฟัน และขอบเหงือกจะเริ่มอักเสบนิดๆ พอคราบพลัคสะสมเรื่อยๆ
ลึกไปถึงใต้เหงือกะทำให้เหงือกอับเสบรุนแรง อาจจะเกิดหินปูนร่วมด้วย ถ้าปล่อยไว้
เรื่อยๆ จะมีกลิ่นปากเหงือกและกระดูกรองฟันก็ถูกทำลาย เหงือกร่นจนเห็นฟันยาวขึ้น
มีการเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม ฟันจะเริ่มคลอนและโยกมีเลือดออกบางทีก็มีหนอง
ช่วงนี้แหล่ะครับที่เรียกว่าโรครำมะนาดหรือโรคปริทันต์(ชื่อฟังดูเท่ห์อยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าให้เป็นคงไม่เอา ; P) ท้ายที่สุดก็ต้องไปให้คุณหมอถอนออกล่ะครับ
การรักษา ก็อย่างที่บอกไปถ้าละเลยจนรักษาไม่ได้ก็ต้องถอนออกไป คนที่
เป็นมักจะไม่รู้สึกเจ็บจนเกิดการละเลยทำให้อาการรุนแรงในภายหลัง แต่ถ้ารู้ตัวก่อน
ก็อาจจะไปหาทันตแพทย์ ให้ทำการขูดหินปูนออก และอาจมีการเกลารากฟันร่วมด้วย
เพื่อให้เหงือกที่ร่นกลับมายึดกับตัวฟันได้เหมือนเดิม ถ้าพบว่ามีการละลายของกระดูก
รองฟันก็ต้องใช้วิธีผ่าตัดเหงือกด้วย
การป้องกัน ก็เป็นที่รู้ๆกันนะครับว่าต้องแปรงฟันให้สะอาดและถูกวิธี เพราะแปรงแรง
ไปอาจจะทำให้เป็นได้ด้วย แนะนำให้ให้ใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ
ที่ขาดไม่ได้คือไปหาทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนด้วยนะครับ รับรองว่าจะรู้ทันโรคฟันๆ
ทั้งหลายก่อนจะสายไปแน่นอนครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากคนที่เคยมีแฟนเป็นหมอฟัน วิ้วววววว ; P
วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553
บอกเล่าเรื่องอุดฟัน
ถ้าพูดถึงเรื่องอุดฟันผมว่าหลายๆคนก็น่าจะเคยอุดหรือคุ้นเคยกันดีเหมือนกับการถอนฟัน
(ไม่ได้อยากจะคุ้นเคยซักหน่อย แต่มันจำเป็นต้องทำ ; P) แต่ก็หลายคนอีกนั่นแหล่ะ
ที่สงสัยกันว่าเค้าอุดฟันกันยังไง คุณหมอฟันเค้าเอาอะไรมาอุดให้เรากันนะ
สีเงินๆที่อุดลงไปมันจะใช่เงินแท้รึป่าวนะ วันนี้เลย เอาเรื่องอุดฟันมาเขียนล่ะกันครับ
ทำไมต้องอุดฟัน? (เอ่อ แล้วเราจะปล่อยให้มันเป็นรู แล้วผุไปเรื่อยๆ ทำไมล่ะครับ)
การอุดฟันทันตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะรักษาด้วยวิธีอุดฟันหรือไม่ โดยฟันที่
จะทำการอุดฟันนั้น มีสาเหตุหลายประการอยู่เหมือนกันครับ เช่น มีฟันผุเนื่องจากแปลงฟัน
ไม่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนๆของฟัน คอฟัน ส่วนบนของฟัน หรืออาจเกิดจากฟันได้
รับการกระทบกระทั่งจากพวกอุบัติเหตุทั้งหลาย มีสภาพบิ่น มีการแตกหักของฟัน
การอุดฟันก็จะไปชดเชยส่วนที่ผุหรือบิ่นของฟันนั่นล่ะครับ เพื่อให้มีรูปร่างตามปกติ
ของฟันดังเดิม ให้กลับมาใช้ได้ดีเหมือนเดิม อีกทั้งเพื่อความสวยงาม ความหล่อเหลา
(อันสุดท้ายนี้ขาดไม่ได้เด็ดขาด ; P)
วิธีการอุดฟันนั้น คุณหมอฟันจะทำการกรอฟันส่วนที่ผุออกไป แล้วทำการอุดด้วยวัสดุเฉพาะ
แล้วเกลี่ยวัสดุให้เป็นรูปร่างฟันปกติให้มากที่สุด
วัสดุอุดฟันโดยทั่วไปจะมี 2 แบบหลักๆ คือ
-อะมัลกัม มีส่วนผสมของเงิน(เงินจริงๆด้วย) ดีบุก เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือ ทองแดง
สังกะสี และปรอท (ปรอทในอะมัลกัม ไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดครับ เพราะนำมา
ทำปฏิกิริยากับโลหะอื่นๆ ในอมัลกัมแล้ว มีผลให้กลายเป็นสารเฉื่อย และผ่านการทดสอบมานักต่อนักว่าปลอดภัย) เวลาอุดเสร็จ จะมองเห็นเป็นสีเงินๆ นั่นล่ะครับ มักใช้อุดฟันบริเวณ
ที่ไม่ต้องการความสวยงาม หรือฟันที่มีหน้าที่บดเคี้ยวอาหารเช่น ฟันกราม เพราะมีความ
แข็งแรง ทนทายาดเลยว่างั้น เวลาอุดคุณหมอมักถามว่าเวลาประกบฟันบน-ล่าง
รู้สึกว่าที่บริเวณที่อุดมันเข้าที่รึเปล่า ถ้าสูงไปคุณหมอก็จะจัดแต่งจนกว่าจะเข้าที่
เหมือนที่เราคุ้นเคยปกติ ผู้ป่วยที่อุดด้วยวัสดุชนิดนี้คุณหมอมักจะห้ามเคี้ยวอาหาร
ด้วยฟันซี่ที่อุดหลังจากรักษาเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะเป็นเวลาที่วัสดุจะแข็งตัวเต็มที่
-คอมโพสิท เป็นวัสดุจำพวกพลาสติก เรซิน จุดเด่นเป็นวัสดุอุดฟันที่ให้สีเหมือน
สีฟันธรรมชาติ ใช้อุดฟันหน้าเพื่อความสวยงาม แต่ปัจจุบันมีความแข็งแรงพอที่
จะสามารถอุดฟันบริเวณอื่นที่ใช้ในการบดเคี้ยวได้ ราคาก็แพงขึ้นตามข้อดีคือแข็งแรง
และสวยงามครับ เวลาอุดคุณหมอจะฉายแสงมายังฟันที่อุดเพราะว่าวัสดุชนิดนี้ใช้แสง
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการแข็งตัวครับ
วัสดุทั้งสองอย่างด้านบนนี้เป็นวัสดุที่นิยมมากที่สุด อายุการใช้งานราวๆ 10 ปี
นอกจากนี้ยังมีวัสดุอื่นๆ อีกที่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมกัน คือ
กลาสไอโอโนเมอร์ มีความสามารถที่โดดเด่น คือ สามารถปล่อยสารฟลูออไรด์
ออกมาเพื่อช่วยเรื่องป้องกันฟันผุได้ ว้าวๆ แต่ข้อเสียคือความทนทาน สู้วัสดุ
ชนิดอื่นๆไม่ได้ มีผลต่อเนื้อเยื่อในช่องปากอีกด้วย ตัวถัดก็คือทอง
(หลายคนคงเห็นคนแก่มีฟันทองกันแต่นั้นเอามาหุ้มนะครับ ไม่ใช่อุด
มักใช้แสดงความร่ำรวย ; P) ว่ากันว่าทีมีความทนทานอยู่ได้ถึง20 ปี จึงเป็น
วัสดุอุดฟันที่ดีที่สุด แต่ข้อเสียคือแพงนั่นเอง Ha Ha
โดยส่วนตัว ผมก็เคยอุดฟันก้วยอะมัลกัมและคอมโพสิทครับ โดยเฉพาะฟันหน้านี่เป็น
รูโบ๋ใหญ่มากไม่กล้ายิ้มเลย จะจีบสาวก็ไม่ได้จนทนไม่ไหว เลยไปจัดการอุดซะ
กลับมาหล่อเหมือนเดิมแต่ก็ยังจีบสาวไม่ติดอยู่ดี Ha Ha แต่ยังไงก็แล้วแต่อย่าเป็น
แบบผมเลยครับ ดูแลฟันของเราให้ดีๆ ไม่ต้องมารักษาเหมือนผม
สุดท้ายขอฝากไว้ "ฟันไม่ผุเป็นลาภก้อนโต" เอ๊ะ ยังไง ^ ^
(ไม่ได้อยากจะคุ้นเคยซักหน่อย แต่มันจำเป็นต้องทำ ; P) แต่ก็หลายคนอีกนั่นแหล่ะ
ที่สงสัยกันว่าเค้าอุดฟันกันยังไง คุณหมอฟันเค้าเอาอะไรมาอุดให้เรากันนะ
สีเงินๆที่อุดลงไปมันจะใช่เงินแท้รึป่าวนะ วันนี้เลย เอาเรื่องอุดฟันมาเขียนล่ะกันครับ
ทำไมต้องอุดฟัน? (เอ่อ แล้วเราจะปล่อยให้มันเป็นรู แล้วผุไปเรื่อยๆ ทำไมล่ะครับ)
การอุดฟันทันตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะรักษาด้วยวิธีอุดฟันหรือไม่ โดยฟันที่
จะทำการอุดฟันนั้น มีสาเหตุหลายประการอยู่เหมือนกันครับ เช่น มีฟันผุเนื่องจากแปลงฟัน
ไม่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนๆของฟัน คอฟัน ส่วนบนของฟัน หรืออาจเกิดจากฟันได้
รับการกระทบกระทั่งจากพวกอุบัติเหตุทั้งหลาย มีสภาพบิ่น มีการแตกหักของฟัน
การอุดฟันก็จะไปชดเชยส่วนที่ผุหรือบิ่นของฟันนั่นล่ะครับ เพื่อให้มีรูปร่างตามปกติ
ของฟันดังเดิม ให้กลับมาใช้ได้ดีเหมือนเดิม อีกทั้งเพื่อความสวยงาม ความหล่อเหลา
(อันสุดท้ายนี้ขาดไม่ได้เด็ดขาด ; P)
วิธีการอุดฟันนั้น คุณหมอฟันจะทำการกรอฟันส่วนที่ผุออกไป แล้วทำการอุดด้วยวัสดุเฉพาะ
แล้วเกลี่ยวัสดุให้เป็นรูปร่างฟันปกติให้มากที่สุด
วัสดุอุดฟันโดยทั่วไปจะมี 2 แบบหลักๆ คือ
-อะมัลกัม มีส่วนผสมของเงิน(เงินจริงๆด้วย) ดีบุก เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือ ทองแดง
สังกะสี และปรอท (ปรอทในอะมัลกัม ไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดครับ เพราะนำมา
ทำปฏิกิริยากับโลหะอื่นๆ ในอมัลกัมแล้ว มีผลให้กลายเป็นสารเฉื่อย และผ่านการทดสอบมานักต่อนักว่าปลอดภัย) เวลาอุดเสร็จ จะมองเห็นเป็นสีเงินๆ นั่นล่ะครับ มักใช้อุดฟันบริเวณ
ที่ไม่ต้องการความสวยงาม หรือฟันที่มีหน้าที่บดเคี้ยวอาหารเช่น ฟันกราม เพราะมีความ
แข็งแรง ทนทายาดเลยว่างั้น เวลาอุดคุณหมอมักถามว่าเวลาประกบฟันบน-ล่าง
รู้สึกว่าที่บริเวณที่อุดมันเข้าที่รึเปล่า ถ้าสูงไปคุณหมอก็จะจัดแต่งจนกว่าจะเข้าที่
เหมือนที่เราคุ้นเคยปกติ ผู้ป่วยที่อุดด้วยวัสดุชนิดนี้คุณหมอมักจะห้ามเคี้ยวอาหาร
ด้วยฟันซี่ที่อุดหลังจากรักษาเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะเป็นเวลาที่วัสดุจะแข็งตัวเต็มที่
-คอมโพสิท เป็นวัสดุจำพวกพลาสติก เรซิน จุดเด่นเป็นวัสดุอุดฟันที่ให้สีเหมือน
สีฟันธรรมชาติ ใช้อุดฟันหน้าเพื่อความสวยงาม แต่ปัจจุบันมีความแข็งแรงพอที่
จะสามารถอุดฟันบริเวณอื่นที่ใช้ในการบดเคี้ยวได้ ราคาก็แพงขึ้นตามข้อดีคือแข็งแรง
และสวยงามครับ เวลาอุดคุณหมอจะฉายแสงมายังฟันที่อุดเพราะว่าวัสดุชนิดนี้ใช้แสง
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการแข็งตัวครับ
วัสดุทั้งสองอย่างด้านบนนี้เป็นวัสดุที่นิยมมากที่สุด อายุการใช้งานราวๆ 10 ปี
นอกจากนี้ยังมีวัสดุอื่นๆ อีกที่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมกัน คือ
กลาสไอโอโนเมอร์ มีความสามารถที่โดดเด่น คือ สามารถปล่อยสารฟลูออไรด์
ออกมาเพื่อช่วยเรื่องป้องกันฟันผุได้ ว้าวๆ แต่ข้อเสียคือความทนทาน สู้วัสดุ
ชนิดอื่นๆไม่ได้ มีผลต่อเนื้อเยื่อในช่องปากอีกด้วย ตัวถัดก็คือทอง
(หลายคนคงเห็นคนแก่มีฟันทองกันแต่นั้นเอามาหุ้มนะครับ ไม่ใช่อุด
มักใช้แสดงความร่ำรวย ; P) ว่ากันว่าทีมีความทนทานอยู่ได้ถึง20 ปี จึงเป็น
วัสดุอุดฟันที่ดีที่สุด แต่ข้อเสียคือแพงนั่นเอง Ha Ha
โดยส่วนตัว ผมก็เคยอุดฟันก้วยอะมัลกัมและคอมโพสิทครับ โดยเฉพาะฟันหน้านี่เป็น
รูโบ๋ใหญ่มากไม่กล้ายิ้มเลย จะจีบสาวก็ไม่ได้จนทนไม่ไหว เลยไปจัดการอุดซะ
กลับมาหล่อเหมือนเดิมแต่ก็ยังจีบสาวไม่ติดอยู่ดี Ha Ha แต่ยังไงก็แล้วแต่อย่าเป็น
แบบผมเลยครับ ดูแลฟันของเราให้ดีๆ ไม่ต้องมารักษาเหมือนผม
สุดท้ายขอฝากไว้ "ฟันไม่ผุเป็นลาภก้อนโต" เอ๊ะ ยังไง ^ ^
วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553
ค้างคาใจ ทำไมมนุยษ์เราถึงมีฟันคุด
จากหัวข้อที่แล้ว เรื่องผ่าฟันคุด หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าทำไมคนเราถึงได้มีฟันคุด และไหงถึงมีฟันคุดกันหลายคนทีเดียว ที่นี่มีคำตอบครับ อิอิ
อย่างที่บอกไป ฟันคุดคือ ฟัน(กราม)ที่งอกผิดปกติ แล้วถามว่าทำไม เคยนับฟันของตัวเองมั้ย ที่เราเรียนมาฟันแท้มี 32 ซี่ใช่รึเปล่า(งานนี้ฟันน้ำนมไม่เกี่ยวนะ) แต่บางคน เอ๊ะ ทำไมนับได้ 28 ซี่ หว่า เราผิดปกติ หรือพิการผิดมนุษย์มนารึป่าวเนี่ย งานนี้ต้องเข็นวิชาชีววิทยาออกมาตอบกันเลยครับที่จริงไม่ผิดปกติอะไรหรอกครับ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมีฟันแค่ 28 ซี่กันเท่านั้น ต้องบางคนที่กรามใหญ่ถึงจะมีครบ 32 ซี่ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่ามีการตั้งข้อสันนิษฐานจากทฤษฎีเรื่องการใช้และไม่ใช้ เป็นเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์เราที่มีมากันตั้งแต่สมัยโบราณกาลโน่นมาถึงปัจจุบัน เพราะเมื่อก่อนมนุษย์จะมีฟันและกรามที่ใหญ่โตเพื่อใช้งานและกัดกินอาหารที่มีความเหนียวมากๆ เช่น ใช้กัดเปลือกไม้บ้าง รากไม้มั่ง เนื้อดิบๆ เหนียวๆ แข็งๆ มั่ง พอมาปัจจุบันนี้ไม่ได้ใช้เคี้ยวหรือกัดอะไรหนักๆโหดๆแบบเมื่อก่อน ธรรมชาติจึงลดขนาดของฟันและกรามให้มีขนาดเล็กลง เป็นสาเหตุให้ ฟันกรามซี่ในสุดไม่มีพื้นที่เหลือพอจะงอกออกมา จึงกลายเป็นมีฟันคุดยังไงล่ะครับ คือ 4 ซี่ในสุดของบ่นล่างซ้ายขวา 32-4=28 นั่นล่ะครับ บางคนที่มี 28 ซี่แล้วไม่มีฟันคุดนี่อาจจะถือได้ว่าพัฒนาสมบูรณ์แบบแล้วรึเปล่านะ อันนี้ไม่รู้ ต้องให้นักชีววิทยามาตอบล่ะกันครับ อิอิ
ปล. งี้ถ้ากินต้มเลือดหมูบ่อยๆ จะมีเขี้ยวงอกยาวแบบแวมไพร์ดูดเลือดมั้ยอ่ะครับ อิอิ ;P
อย่างที่บอกไป ฟันคุดคือ ฟัน(กราม)ที่งอกผิดปกติ แล้วถามว่าทำไม เคยนับฟันของตัวเองมั้ย ที่เราเรียนมาฟันแท้มี 32 ซี่ใช่รึเปล่า(งานนี้ฟันน้ำนมไม่เกี่ยวนะ) แต่บางคน เอ๊ะ ทำไมนับได้ 28 ซี่ หว่า เราผิดปกติ หรือพิการผิดมนุษย์มนารึป่าวเนี่ย งานนี้ต้องเข็นวิชาชีววิทยาออกมาตอบกันเลยครับที่จริงไม่ผิดปกติอะไรหรอกครับ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมีฟันแค่ 28 ซี่กันเท่านั้น ต้องบางคนที่กรามใหญ่ถึงจะมีครบ 32 ซี่ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่ามีการตั้งข้อสันนิษฐานจากทฤษฎีเรื่องการใช้และไม่ใช้ เป็นเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์เราที่มีมากันตั้งแต่สมัยโบราณกาลโน่นมาถึงปัจจุบัน เพราะเมื่อก่อนมนุษย์จะมีฟันและกรามที่ใหญ่โตเพื่อใช้งานและกัดกินอาหารที่มีความเหนียวมากๆ เช่น ใช้กัดเปลือกไม้บ้าง รากไม้มั่ง เนื้อดิบๆ เหนียวๆ แข็งๆ มั่ง พอมาปัจจุบันนี้ไม่ได้ใช้เคี้ยวหรือกัดอะไรหนักๆโหดๆแบบเมื่อก่อน ธรรมชาติจึงลดขนาดของฟันและกรามให้มีขนาดเล็กลง เป็นสาเหตุให้ ฟันกรามซี่ในสุดไม่มีพื้นที่เหลือพอจะงอกออกมา จึงกลายเป็นมีฟันคุดยังไงล่ะครับ คือ 4 ซี่ในสุดของบ่นล่างซ้ายขวา 32-4=28 นั่นล่ะครับ บางคนที่มี 28 ซี่แล้วไม่มีฟันคุดนี่อาจจะถือได้ว่าพัฒนาสมบูรณ์แบบแล้วรึเปล่านะ อันนี้ไม่รู้ ต้องให้นักชีววิทยามาตอบล่ะกันครับ อิอิ
ปล. งี้ถ้ากินต้มเลือดหมูบ่อยๆ จะมีเขี้ยวงอกยาวแบบแวมไพร์ดูดเลือดมั้ยอ่ะครับ อิอิ ;P
วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553
อกหักรักคุดกับ(ผ่า)ฟันคุด เรามาดูกันดีกว่าว่าเกี่ยวกันยังไง
สวัสดีครับ วันนี้นั่งรถเมล์กลับจากที่ทำงาน เห็นสาวคนนึงน่ารักมากๆ เพื่อนจึงให้ขอเบอร์
โทรให้หน่อย เรานี่ก็ช่างกล้าเสียเหลือเกิน เข้าไปขอเลย ถามว่าชื่ออะไร ขอเบอร์โทรได้มั้ยครับ เธอปฏิเสธทันควัน พร้อมกับส่ายหน้า "อ๋อ ให้ไม่ได้หรอกค่ะ มีแฟนแล้วค่ะ" ที่เธอตอบมาทำเอาผมเสียเซลฟ์อยู่เหมือนกัน เพื่อนผมก็เลยต้องอกรักคุดไป Ha Ha!!!
พอพูดเรื่องอกหักรักคุดขึ้น ทำให้นึกถึงเรื่องฟันคุดขึ้นมา (เกี่ยวอะไรกันเนี่ย ; P ) วันนี้ก็เลยขอเขียนเรื่องฟันคุดล่ะกันครับ
ฟันคุด คืออะไรครับ? ฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถงอกออกมาได้ตามปกติยังไงล่ะครับ คืออาจจะไม่งอกมาเลยหรืองอกออกมานิดหน่อย งอกออกมาได้ไม่เต็มซี่มีฟันซี่อื่นๆขวางอยู่ ส่วนใหญ่งอกแนวเฉียงมีผลไปดันฟันซี่อื่นๆเสียหายได้อยู่เหมือนกัน ฟันที่มักจะเป็นฟันคุดคือฟันกรามล่างซี่ที่สามทั้งซ้ายขวา (ฟันที่อยู่หลังสุดนั่นล่ะครับ)
โทษของฟันคุดคืออะไร ก็มอยู่หลายอย่างนะครับ เช่น
-ฟันคุดเป็นฟันที่ทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากงอกออกมาไม่หมด งอกผิดแนวฟัน ทำให้ฟันผุได้ง่าย
จากเศษอาหารสะสม ฟันข้างเคียงก็จะพลอยผุไปด้วย ซ้ำร้ายจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคบริเวณรอบๆ ทำให้เป็นโรคเหงือกได้อีก เกิดอาการเหงือกบวมอักเสบ ปวด
-ฟันคุดถ้างอกแนวเฉียงมีโอกาสที่จะไปดันฟัน(กราม)ด้านหน้าให้เสียหายได้ ฟันคุดนี่ก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว
ยังไปก่อปัญหาให้ฟันซี่อื่นอีกต่างหาก ไม่เหมือนอกหักรักคุดเนอะ เดือดร้อนแต่ตัวเอง เพราะเขาไม่รักด้วย Ha Ha (เกี่ยวมั้ยเนี่ย ;P)
-ฟันคุดที่ฟังอยู่ในขากรรไกรทั้งซี่ไม่โผล่ออกมา มีโอกาสเปลี่ยนเป็นถุงน้ำ(Cyst) พองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูปเดิม ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดขากรรไกรกันเลยทีเดียว คงไม่ยากทำศัลยกรรมกันใช่มั้ยล่ะ
-อาจมีอาการปวดหัวบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะด้านที่มีฟันคุดดันฟันซี่อื่นๆอยู่ หรือรากยาวผิดวิสัย
การรักษา แม้ว่าจะไม่มีอาการเจ็บปวดเลย ก็แนะนำว่าให้ผ่าหรือถอนออกดีกว่า อาจถึงขั้นผ่าตัดเหงือก กรอกระดูกกันเลยที่เค้าเรียกว่า ผ่าฟันคุด กันนั่นล่ะครับ บางคนที่จัดฟัน ถ้ามีฟันคุดก็ต้องถอนออกก่อนติดเหล็กจัดฟันเหมือนกันครับ หลังจากผ่าฟันคุดมักมีอาการแก้มบวม เจ็บแผลเป็นเรื่องปกติ
ก็ควรทำตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดและกินยาให้ครบด้วยนะครับ โดยเฉพาะยาแก้อักเสบ
ใครที่คิดว่าไม่เป็นไรยังไม่ปวด ยังไม่จำเป็นต้องผ่าออก คงต้องคิดผิดคิดใหม่กันแล้วนะครับ แม้ตอนผ่าฟันคุดจะเจ็บหน่อย แต่ก็คุ้มนะครับที่ไม่ต้องเจอกับข้อเสียของฟันคุด เพราะมันก็ไม่มีข้อดีเหมือนกัน ;P
โทรให้หน่อย เรานี่ก็ช่างกล้าเสียเหลือเกิน เข้าไปขอเลย ถามว่าชื่ออะไร ขอเบอร์โทรได้มั้ยครับ เธอปฏิเสธทันควัน พร้อมกับส่ายหน้า "อ๋อ ให้ไม่ได้หรอกค่ะ มีแฟนแล้วค่ะ" ที่เธอตอบมาทำเอาผมเสียเซลฟ์อยู่เหมือนกัน เพื่อนผมก็เลยต้องอกรักคุดไป Ha Ha!!!
พอพูดเรื่องอกหักรักคุดขึ้น ทำให้นึกถึงเรื่องฟันคุดขึ้นมา (เกี่ยวอะไรกันเนี่ย ; P ) วันนี้ก็เลยขอเขียนเรื่องฟันคุดล่ะกันครับ
ฟันคุด คืออะไรครับ? ฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถงอกออกมาได้ตามปกติยังไงล่ะครับ คืออาจจะไม่งอกมาเลยหรืองอกออกมานิดหน่อย งอกออกมาได้ไม่เต็มซี่มีฟันซี่อื่นๆขวางอยู่ ส่วนใหญ่งอกแนวเฉียงมีผลไปดันฟันซี่อื่นๆเสียหายได้อยู่เหมือนกัน ฟันที่มักจะเป็นฟันคุดคือฟันกรามล่างซี่ที่สามทั้งซ้ายขวา (ฟันที่อยู่หลังสุดนั่นล่ะครับ)
โทษของฟันคุดคืออะไร ก็มอยู่หลายอย่างนะครับ เช่น
-ฟันคุดเป็นฟันที่ทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากงอกออกมาไม่หมด งอกผิดแนวฟัน ทำให้ฟันผุได้ง่าย
จากเศษอาหารสะสม ฟันข้างเคียงก็จะพลอยผุไปด้วย ซ้ำร้ายจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคบริเวณรอบๆ ทำให้เป็นโรคเหงือกได้อีก เกิดอาการเหงือกบวมอักเสบ ปวด
-ฟันคุดถ้างอกแนวเฉียงมีโอกาสที่จะไปดันฟัน(กราม)ด้านหน้าให้เสียหายได้ ฟันคุดนี่ก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว
ยังไปก่อปัญหาให้ฟันซี่อื่นอีกต่างหาก ไม่เหมือนอกหักรักคุดเนอะ เดือดร้อนแต่ตัวเอง เพราะเขาไม่รักด้วย Ha Ha (เกี่ยวมั้ยเนี่ย ;P)
-ฟันคุดที่ฟังอยู่ในขากรรไกรทั้งซี่ไม่โผล่ออกมา มีโอกาสเปลี่ยนเป็นถุงน้ำ(Cyst) พองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูปเดิม ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดขากรรไกรกันเลยทีเดียว คงไม่ยากทำศัลยกรรมกันใช่มั้ยล่ะ
-อาจมีอาการปวดหัวบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะด้านที่มีฟันคุดดันฟันซี่อื่นๆอยู่ หรือรากยาวผิดวิสัย
การรักษา แม้ว่าจะไม่มีอาการเจ็บปวดเลย ก็แนะนำว่าให้ผ่าหรือถอนออกดีกว่า อาจถึงขั้นผ่าตัดเหงือก กรอกระดูกกันเลยที่เค้าเรียกว่า ผ่าฟันคุด กันนั่นล่ะครับ บางคนที่จัดฟัน ถ้ามีฟันคุดก็ต้องถอนออกก่อนติดเหล็กจัดฟันเหมือนกันครับ หลังจากผ่าฟันคุดมักมีอาการแก้มบวม เจ็บแผลเป็นเรื่องปกติ
ก็ควรทำตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดและกินยาให้ครบด้วยนะครับ โดยเฉพาะยาแก้อักเสบ
ใครที่คิดว่าไม่เป็นไรยังไม่ปวด ยังไม่จำเป็นต้องผ่าออก คงต้องคิดผิดคิดใหม่กันแล้วนะครับ แม้ตอนผ่าฟันคุดจะเจ็บหน่อย แต่ก็คุ้มนะครับที่ไม่ต้องเจอกับข้อเสียของฟันคุด เพราะมันก็ไม่มีข้อดีเหมือนกัน ;P
วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553
ดื่มน้ำเย็น ทำไมเสียวฟัน
สวัสดีครับ หายหน้าไปวันนึงกับอีกคืนนึง แหะๆ ไม่ได้ไหนไกลครับ ไปเที่ยวพัทยามาครับ เพิ่งไปเป็นครั้งแรก ไปถึงแล้วพัทยา ก็ไม่เหมือนที่คิดไว้แฮะ ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ครับ แต่ติดใจเรื่องอาหารทะเลจริงๆแล้วที่ไปนี่ กะไปกินอาหารทะเลเป็นหลัก เพราะมีคนจ่ายตังให้ อิอิ ไปกินที่ร้านปูเป็นครับ ไม่ทราบว่าใครเคยไปแล้วบ้าง ก็โอเคดีครับอาหารทะเลสด ราคาสมน้ำสมเนื้อ คนแน่นร้านถึงขั้นยืนรอกันเลยทีเดียว
แล้วที่เล่ามามันเกี่ยวอะไรกับฟันล่ะ? เกี่ยวสิครับ พอดีตอนบริกรของร้านมาบริการหยิบแก้วมาใส่น้ำแข็งเพื่อจะรินน้ำเย็นให้ มีพี่ในโต๊ะคนนึงบอกเด็กเสริฟว่าขอน้ำเปล่าๆพอ ไม่เอาน้ำแข็ง ผมก็ถามไปว่า อ้าวทำไมล่ะ ก็ได้คำตอบมาว่าพี่แกดื่มน้ำเย็นไม่ได้มันทำให้เสียวฟัน วันนี้ก็เลยขอพูดเรื่องอาการเสียวฟันแล้วกันครับ
อาการเสียวฟันนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ ถ้าเกิดขึ้นกับคนในวัยเด็กก็มีสาเหตุมาจากฟันผุ ส่วนผู้ใหญ่นั้นมีหลายสาเหตุมากตั้งแต่ คอฟันสึก เหงือกร่น ฟันร้าว แปรงฟันรุนแรงเกินไป ฟันผุซ้ำบริเวณที่เคยอุดมาแล้ว เป็นต้น ทั้งหมดนี้มีผลเกี่ยวกับเรื่องเคลือบฟันสึกนั่นเอง
แล้วเราเสียวฟันได้อย่างไร? ก็เป็นเรื่องของระบบประสาทในฟันของเรานั่นล่ะครับ เกิดจากเคลือบฟันสึกกร่อนไปทำให้ไม่มีอะไรมาหุ้มป้องกันเนื้อฟัน ซึ่งในเนื้อฟันนี้เองจะมีท่อเล็กๆ เป็นร้อยเป็นฟันท่อ และแน่ล่ะเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าครับ ในท่อจะมีของเหลวอยู่เต็มต่อมีแขนงใยประสาทที่ไวต่อการกระตุ้นของของเหลวนี้อยู่ในนั้นด้วยพอเราฟันผุทะลุเคลือบฟันมาถึงตรงเนื้อฟัน และท่อในเนื้อฟันถูกสัมผัสกับสิ่งที่ไวต่อระบบประสาทไม่ว่าจะเป็น สัมผัสกับอาหารที่เย็นจัด หรือร้อน หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือแม้แต่การแปรงฟันที่รุนแรง ก็จะเกิดอาการเสียวฟันขึ้นได้ครับเป็นกลไกที่ระบบประสาทส่งไปยังสมองเพื่อหลีกเลี่ยงให้เราหยุดทำสิ่งนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อโพรงประสาทฟันครับ เอ๊ะ วันนี้เราดูมีวิชาการวุ้ย Ha Ha !
แล้ววิธีป้องกันดูแลรักษาล่ะ? ง่ายๆเลย ก็ต้องดูแลฟันของเราให้ดีครับ แปรงฟันอย่างถูกวิธี หมั่นไปให้ทันตแพทย์ตรวจเป็นประจำครับ ส่วนการการรักษานั้นก็ต้องดูตามอาการครับ บ้างก็ว่าใช้ยาสีฟันสูตรป้องกันเสียวฟันป้ายตรงฟันที่มีอาการเสียวทิ้งไว้ซักครึ่งชั่วโมงซักหนึ่งสัปดาห์อาจจะช่วยได้ ถ้าฟันผุก็อาจจะต้องไปอุดฟันครับ
เป็นมั้ยล่ะครับ เรื่องฟันนี่สำคัญกับเรามากทีเดียวเลย เพราะเราต้องฟันไปตลอดชีวิตของเรา ใครที่เป็นนักชิมนี่คงมีอาการเซ็งไปตามๆกัน เพราะจะกินอะไรต้องคอยมีอาการเสียวฟันมารุกรานความสุขในการกินของของเรา ดังที่ประโยคคลาสสิคว่าไว้ "ไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย" พบกันใหม่ครับ ^ ^
แต่เอ๊ะ น้ำเย็นทำให้พี่แกเสียวฟัน แต่ตอนแทะก้ามปูเผาไม่ยักกะเสียวฟันแฮะ ; P
วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553
ไปขูดหินปูนกันดีกว่า
เมื่อก่อนตอนเด็กๆ คิดว่าขูดหินปูชีวิตนี้ขูดแค่ครั้งเดียว พอตอนโตถึงได้เข้าใจว่ามันจำเป็นต้องขูดทุกๆ 6 เดือน เพราะมันมีการสะสมอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่เรายังต้องใช้ปากอยู่ แต่ถ้าใครปากหาเรื่อง ระวังจะไม่ได้ใช่ปากอีกต่อไปนะครับ อันนี้ตัวใครตัวมันครับ Ha Ha!!
เท่าที่เคยเรียนวิชาสุขศึกษามา ก็รู้ว่าเจ้าหินปูนมีลักษณะเป็นคราบแข็งๆ สากๆ สีเหลืองบ้าง สีดำบ้าง (ในปากตัวเองก็เห็น) เกิดจากเจ้าเชื้อจุลินทรีย์จับมือแทคทีมกับแร่ธาตุในน้ำลายมาเกาะบนผิวฟันบริเวณขอบฟัน โคนฟัน ยิ่งตรงบริเวณฟันหน้าล่าง ตรงด้านติดกับลิ้นเนี่ยเห็นชัดมาก
แล้วทำไมต้องไปขูดหินปูนด้วยล่ะ อยากไว้เท่ห์ๆไม่ได้เหรอ? ถ้าหนูอยากเอาไว้ก็ตามสบายครับ ไม่ว่ากัน แต่รู้หรือเปล่า ว่ามันเป็นาสาเหตุที่มาของโรคเหงือกอักเสบ เหงือกร่น ปากเหม็นชื่นใจ เป็นมากๆ ฟันจะโยก ท้ายสุดอาจจะต้องไปถอน(แต่คงไม่เป็นไรมั้ง โพสต์ที่แล้วบอกว่า ฉีดยาชาถอนฟันไม่เจ็บอีกต่อไป อิอิ)
แล้วมันเจ็บมั้ยล่ะ การขูดหินปูนเนี่ย? คุณหมอฟันเค้าจะเอาเครื่องมือเฉพาะมากะเทาะคราบหินปูนออกไป มาจะรู้สึกเสียวฟันบ้าง ถ้ามีหินปูนมากก็คงเจ็บเหงือกเล็กน้อย มีเลือดบ้าง แต่ทำเสร็จก็หายเหมือนเดิมครับ ตบท้ายทันตแพทย์จะทำการขัดฟันทำ ความสะอาดให้เป็นอันเสร็จสิ้น ทีนี้ เราก็จะรู้สึกปากสะอาด โล้ง โล่ง หอมชื่นใจ ยิ้มสวย มีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามขึ้นมาทันตา อิอิ^^ ว่าแต่? เอ๊ะ นี่เราไม่ได้ขูดหินปูนมานานแล้วนี่ ขอตัวไปขูดหินปูนก่อนนะครับ บ๊าบ บาย ครับ
อ้อ อย่าลืมไปขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือนนะครับ
วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553
คุณกลัวการถอนฟันใช่ใหม
หลายคนเคยคิดมั้ยครับว่าทำไมเราต้องถอนฟัน ถ้าตอบง่ายๆ ถามมาได้ ก็มันปวดฟันนี่นา ก็ต้องถอนสิ จริงมั้ยครับ? จริงๆแล้ว เหตุผลที่จะถอนฟันมันก็มีอยู่หลายสาเหตุครับ ที่สำคัญๆก็ ฟันผุมากถึงชั้นโพรงประสาท, มีปัญหาโรคเหงือกอย่างรุนแรง, มีฟันหักที่ซ่อมแซมได้ยาก, ฟันคุด, เพื่อจะจัดฟัน เป็นต้น
แต่ก็นะ เห็นว่ามีหลายคนหลายท่านที่กลัวการถอนฟัน ไปยอมไปหาหมอเพื่อจะถอนฟันกัน กลัวเจ็บกลัวเข็มฉีดยากันใช่มั้ยครับ แต่ช้าก่อนคุณๆทั้งหลาย ไม่ต้องกลัวกันแล้วครับ เพราะตอนนี้ผมได้ข่าวมาว่า ก่อนฉีดยาชาจะมียาชาแบบทา ป้ายไปที่เหงือกก่อน เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บเวลาเข็มฉีดยาชาปักลงไปที่เหงือก รู้ชื้นใจขึ้นมาบ้างรึยังครับ ^^
อีกอย่างที่เราควรคำนึงก็คือวิธีปฏิบัติหลังจากถอนฟันครับ มีรายละเอียดตามนี้ครับ
-กัดผ้าก๊อซให้แน่น ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อห้ามเลือด แล้วให้คายผ้าออก ถ้ายังมีเลือดออกอยู่ให้กัดผ้าก๊อซอันใหม่
-ห้ามบ้วนน้ำภายใน 12 ชั่วโมงหลังถอน แต่สามารถบ้วนปากได้ด้วยน้ำเกลือหลังจากนั้น
-ช่วงที่แผลกำลังจะหาย อย่าไปแคะครับ ถ้าไม่อยากไปให้หมอรักษาแผลอีก
-แปรงฟันได้ ตามปกติ แต่ให้ระวังบริเวณแผล
-งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ห้ามเด็ดขาดครับ
-งดอาหารรสจัดและการออกกำลังกายหนักๆ
หวังว่าต่อไปนี้ ใครจำเป็นต้องถอนฟัน ก็คงไม่กลัวอะไรอีกต่อไปนะครับ ราคาตามคลินิกก็ตกประมาณ 300-400 บาทต่อซี่ สุดท้ายนี่ก็ฝากไว้กับประโยคนี้
“ไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย” ไว้เจอกันใหม่ครับ
วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553
ว่าด้วยเรื่องของฟลูออไรด์
มีอยู่ครั้งนึงแฟนผมที่เป็นนศ.ทันตแพทย์บอกผมว่าจะเอาเครื่องมือจาก Labs มาขูดหินปูนให้ผมไม่รู้ว่าอยากเทคแคร์ผมหรืออยากฝึกฝีมือกันแน่นะครับ (นินทาแฟนตัวเองซะงั้น อิอิ) แล้วก็โทรมาหาผมว่าเดี๋ยวจะเอาฟลูออไรด์มาให้อมด้วยนะ ผมก็คิดในใจนะมันมีด้วยเหรอนึกว่ามีแต่ในยาสีฟันกับน้ำยาบ้วนปากแค่นั้น แล้วเธอก็เอามาให้ดู ใส่มาในขวดพลาสติกสีขาวขุ่น คล้ายขวดน้ำเกลือแล้วก็เป็นน้ำสีเขียวๆ แต่เอาเข้าจริงผมไม่กล้าอมเพราะกลัว ฮ่า ฮ่า
วันนี้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับฟลูออไรด์ดู ก็ได้ความว่า ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุที่ช่วยป้องกันฟันผุ มันจะหยุดการทำงานของพวกจุลินทรีย์และเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดกรด และช่วยส่งเสริมการทำงานของเคลือบฟันประมาณนี้ครับ แต่ใช่ว่าจะมีแต่ประโยชน์นะครับ โทษของมันก็มีนะครับ เช่นถ้าได้รับเกินขนาดจะทำให้ฟันเกิดตกกระ ส่วนใหญ่เกิดกับฟันแท้ ทำให้ฟันเป็นจุดสีขาวขุ่น อาจออกไปทางเหลืองน้ำตาล หรือดำ กระจายทั่วฟัน และสามารถกัดลึกถึงเนื้อฟันได้ ไม่สามารถแปรงออกไปหรือขัดออกไปได้ซะด้วย นอกจากนั้นยังมีผลต่อกระดูก ทำให้กระดูกงอก กระดูกพิการ ตามแขน ขา กะโหลกศีรษะ ฯลฯ และอาจมีอาการชา เจ็บปวด อาจถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ ทั้งยังมีผลต่อระบบประสาท ระบบไตอีกต่างหาก ฟังดูน่ากลัวใช่ย่อยนะครับ ถ้ายังไงๆ ก็ใช้อย่างระวังหน่อยนะครับ ใช้ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ และปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดดีที่สุดครับ^^
แล้วฟลูออไรด์มีให้ใช้แบบไหนบ้างล่ะ
1. แบบกิน มีทั้งแบบเม็ด แบบน้ำ มักเติมฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม เป็นวิธีที่ให้ผลดีที่สุด ช่วยลดฟันผุ 50–60 % ควรเติมฟลูออไรด์ในน้ำดื่มประมาณ 0.7 มิลลิกรัม (ประมาณ 0.7 ส่วนในล้านส่วน) ไม่เกินนี้
2. แบบสัมผัส เคลือบฟันด้วยน้ำยาฟลูออไรด์ ใช้ยุ่งยาก เสียเวลา ได้ผลนิดหน่อย และต้องให้หมอฟันเป็นผู้ทำให้ แต่เดี๋ยวนี้มีสารเคลือบฟันด้วยตนเอง ที่เรียกว่า ฟลูออไรด์ เจล แต่ไม่แพร่หลายและราคาแพง ฟลูออไรด์แบบสัมผัสเฉพาะที่ ที่พบเห็นบ่อย ก็ตามข้างล่างนี้
-อมบ้วนปากด้วยน้ำยาโซเดียมฟลูออไรด์ ประเทศไทยนิยมวิธีนี้กัน หมอฟันแนะนำว่าควรผสมฟลูออไรด์ประมาณ 0.2% สามารถลดฟันผุได้ ประมาณ 20%
-แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ปริมาณฟลูออไรด์ของยาสีฟันที่แนะนำคือ 1 มิลลิกรัมต่อยาสีฟัน 1 กรัม ช่วยลดฟันผุได้ประมาณ 25-30%
-การใช้ยาขัดฟันผสมฟลูออไรด์ ในการขูดหินปูนหรือทำความสะอาดฟันจะมีการขัดฟัน ซึ่งมีผู้แนะนำให้นำผงขัดฟันมาผสมกับโซเดียมฟลูออไรด์ในการขัดฟัน ช่วยป้องกันฟันผุได้ 30-40%
ก็ยังไงแล้วก็ดูแลรักษาฟันตัวเองกันให้ดีๆนะครับ ถ้าไม่อยากให้มีประโยคนี้เกิดขึ้นกับคุณ
“ไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย”
ว่าแต่ที่แฟนผมเอามาให้นี่ จัดอยู่ในประเภทไหนเนี่ย ^^!
วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553
เกริ่นกันก่อน
สวัสดีชาวเน็ตทั้งหลายครับ พอดีว่าเป็นคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพฟันอยู่หลายอย่างเหมือนกัน
ก็เลยลองๆหาข้อมูลดูเพื่อจะได้รักษาให้ทันท่วงที แต่่ปัจจัยไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่
(เรื่องเงินนะแหล่ะ อิอิ ) ก็ต้องหาข้อมูลกันก่อนล่ะนะ อีกอย่าง เป็นคนขี้อาย เกิดไปเจอ
หมอน่ารักๆขึ้นมา เขินแย่ (จริงๆ อายหมอที่ไม่รู้จักดูแลรักษาฟันปล่อยให้ผุซะขนาดนี้)
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็เกิดไอเดียว่าเราน่าจะแชร์ข้อมูลที่เราหามาได้ มาสู่เพื่อนๆชาวเน็ตกัน
บ้าง ขอเขียนแบบชาวบ้านๆ ล่ะกัน เผื่อเข้าใจง่าย วิชาการบ้างนิดนึงให้ชาวบ้านรู้ว่า
ตอนเรียนมหาลัยก็เคยมีแฟนที่เรียนทันตแพทย์กะเค้าเหมือนกัน เคยช่วยคุณเธอดัด
เหล็กจัดฟันอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าเป็นหนูทดลองทำฟันให้คุณเธอเพราะเธอมือใหม่
ถึงแม้ราคาจะถูกกว่าปกติอยู่หลายเท่าก็เถอะนะ
ก็ ถ้าหาอะไรมาได้ ก็จะมาเขียนเล่าไปเรื่อยๆ ล่ะกันครับ แต่ตอนนี้ชักง่วง เจอกันโพสต์
หน้าครับ อะฮิ อะฮิ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)